Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การแบ่งประเภทวรรณคดีท้องถิ่น

Posted By Plookpedia | 09 มิ.ย. 60
3,372 Views

  Favorite

การแบ่งประเภทวรรณคดีท้องถิ่น

      วรรณคดีท้องถิ่นอาจแบ่งประเภทตามลักษณะเนื้อหาดังนี้

๑. วรรณคดีคำสอน

      หมายถึง วรรณคดีที่แต่งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นคติเตือนใจสมาชิกระดับต่าง ๆ  ในสังคมเนื้อหาส่วนใหญ่สอนเรื่องการวางตัววรรณคดีประเภทนี้พบทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน  มีทั้งที่แต่งขึ้นเพื่อสอนชนชั้นสูง สอนคนทั่วไป และสอนผู้หญิง  ส่วนใหญ่แต่งเป็นร้อยกรองเนื้อหาประกอบด้วยคำแนะนำในด้านต่าง ๆ เช่น ถ้าเป็นคำสอนสำหรับชนชั้นสูงก็จะสอนให้มีความยุติธรรม ถ้าเป็นกษัตริย์ต้องมีทศพิธราชธรรม มีความหนักแน่นไม่ดื่มสุรา ไม่รังแกผู้ที่มีฐานะต่ำกว่า รักษาวาจาสัตย์ ไม่แสดงความขึ้งเคียดให้ปรากฏ  ถ้าเป็นคำสอนคนทั่วไปก็จะสอนให้มีวาจาสุภาพให้คิดก่อนพูดไม่ดูถูกผู้ที่อ่อนแอกว่า มีความอดทน มีความขยันหมั่นเพียร มีความจงรักภักดีต่อเจ้านาย สอนเรื่องการเลือกคู่หากเป็นผู้หญิงก็สอนให้มีความอ่อนโยนพูดจาอ่อนหวาน ซื่อสัตย์ต่อสามี คอยปรนนิบัติสามีให้มีความสุข ขยันหมั่นเพียรในการทำงานบ้านไปไหนก็ให้นึกถึงบุตรและสามีให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อญาติของสามีจะเห็นว่าคำสอนต่าง ๆ ในวรรณคดีคำสอนเป็นสิ่งที่สังคมสมัยนั้นคาดหวังเพราะหากมีการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนดังกล่าวก็จะทำให้สังคมมีความสงบสุข 

      วรรณคดีคำสอนของล้านนา  เช่น คำสอนพญามังราย โคลงเจ้าวิทูรสอนโลก หรือโคลงพระลอสอนโลก ธรรมดาสอนโลก ปู่สอนหลาน หลานสอนปู่
      วรรณคดีคำสอนของอีสาน   เช่น พญาคำกองสอนไพร่ อินทิญาณสอนลูก ท้าวคำสอน กาพย์ปู่สอนหลาน กาพย์หลานสอนปู่ กาพย์พระมุนี ธรรมดาสอนโลก โลกนิติคำกาพย์ สิริจันโทวาทคำสอน และเสียวสวาด ซึ่งมีลักษณะเป็นนิทานซ้อนนิทาน
      วรรณคดีคำสอนของภาคใต้   มีความคล้ายคลึงกับวรรณคดีคำสอนของภาคกลาง เช่น ลักษณะเมียเจ็ดสถาน สุภาษิตสอนหญิงคำกาพย์ กฤษณาสอนน้อง สวัสดิรักษาคำกาพย์ สุภาษิตพระร่วงคำกาพย์ พาลีสอนน้อง สุภาษิตร้อยแปด และลุงสอนหลาน

      น่าสังเกตว่าการให้คติธรรมคำสอนในวรรณคดีคำสอนนั้น นอกจากสอนโดยตรงแล้วส่วนมากจะใช้วิธีเปรียบเทียบอย่างแยบคายโดยมักเปรียบเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติแวดล้อม เช่น แม่น้ำ ลำธาร ภูเขา พืช สัตว์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้  โคลงเจ้าวิทูรสอนโลกหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โคลงพระลอสอนโลกของล้านนาสอนให้ยึดทางสายกลางในการดำเนินชีวิตโดยเปรียบเทียบกับดอกบัวว่า หากชูช่อสูงเกินไปก็จะเหี่ยวเฉาเพราะแสงอาทิตย์ ถ้าอยู่ใต้น้ำเกินไปก็จะเน่าเปื่อยเป็นโคลนตม ดังนี้

 

                                                                                             สระศรีบังเกิดด้วย                 บัวมี
                                                                                             ยาวโยชน์เหนือนที                แม่น้ำ
                                                                                             สุริยเบ่งรวายศรี                   เพียงพุ่ง มาเห่ย
                                                                                             บัวหุบหับเหี่ยวแห้ง               ยอบย้าว บัวโรย
                                                                                             น้ำลึกถมถูกถ้วม                   บัวจม
                                                                                             บัวย่อมตายกลางตม              มิ่งม้วย
                                                                                             ปานกลางพุ่มเพียงลม            เสมอมาก ควรเห่ย
                                                                                             เอาเพดดังน้ำกว้าง                อยู่เลี้ยงบัวบาน


                                                                                                          โคลงพระลอสอนโลก หน้า ๑๔    

 

ในวรรณคดีคำสอนของอีสานเรื่องอินทิญาณสอนลูกเปรียบเทียบหญิงที่ไม่มีสามีทำให้ไม่มีคนกลัวเกรงไว้ ดังนี้

 

                                                                                              ชาติที่ตระกูลนี้                 คนชายยังแก่

                                                                                              ญิงบมีผัวอยู่ซ้อน              ใผบ่หย้านหย่อนแล้ว

                                                                                              วังบ่มีหนามนี้                   พรานแหม่มีหย่อน มือแล้ว

                                                                                              น้ำบ่มีเงือกเฝ้า                 คนใบ้บ่เจียม

                                                                                              เพิงที่เอาผัวให้                 เป็นอาจารย์สอนสั่ง

                                                                                              อย่าอวดอ้าง                    หัวล้านลื่นครู

 

อินทิญาณสอนลูก หน้า ๓๓

 

สุภาษิตร้อยแปดของภาคใต้ชี้แนะว่าในการคบคนจะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ไม่เป็นคนหูเบาฟังคนพูดด้วยเหตุด้วยผลโดยเปรียบเทียบดังนี้

 

                                                                                              คบเพื่อนให้พึงรู้                 เพื่อนที่ดูเสมือนมาร

                                                                                              ยกตนแล้วข่มท่าน               พวกคนพาลหมายว่าดี

                                                                                              หางเต่ายาวแล้วสั้น             หางแลนนั้นว่ายาวรี

                                                                                              วัดกันค่ากันดี                     ไม่เสียทีกันเท่าใด

                                                                                              ช้างเถื่อนย่อมจับได้             วัวควายร้ายย่อมได้ไถ

                                                                                              เสือหมีอยู่ในไพร                 ย่อมจับได้ใส่กรงขัง

 

ชี้แนะว่าอย่ารนหาอันตรายด้วยความประมาทโดยเปรียบเทียบดังนี้

 

       อย่าคลำหางเสือผอม            ราชสีห์ย่อมขามเกรง

        เจ้านายของเราเอง               อย่าลวนลามอุเบกษา

         เสือผอมกวางโจนเข้า             เสือโคร่งเล่าวิ่งวางมา

  ตบต้องคอมฤคา                   จึงรู้ว่าฤทธิ์เสือมี

      งูเห่าเท่าไม้ม้วน                    อย่าได้ควรยุดหางตี

   เพลิงน้อยเท่าแมลงหวี่            เผาได้สิ้นทั้งนคร

 

    สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ หน้า ๘๑๐๖  

๒. วรรณคดีนิทาน

      หมายถึง วรรณคดีที่มีเนื้อเรื่องเป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงแม้ว่าบางเรื่องจะเขียนได้ดีจนดูเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ตาม อาจแบ่งวรรณคดีนิทานในท้องถิ่นต่าง ๆ ออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้

      ก. วรรณคดีนิทานมหัศจรรย์

      ได้แก่วรรณคดีที่มีเนื้อเรื่องเป็นนิทานการดำเนินเรื่องอยู่ในโลกแห่งจินตนาการและมีอิทธิปาฏิหาริย์แต่ในการถ่ายทอดได้สอดแทรกคติเตือนใจด้านจริยธรรมหรือศีลธรรมด้วย มักอ้างว่าเป็นเรื่องชาดกมีอยู่ในพระไตรปิฎก นิทานที่นำมาแต่งเป็นวรรณคดีอาจเป็นนิทานพื้นบ้านมาก่อนหรือดัดแปลงมาจากชาดก ตัวละครเอกมักเป็นพระโพธิสัตว์จุติลงมาจากสวรรค์อาจเป็นพระโอรสหรือเป็นยาจก แต่มีคุณธรรมและมีบุญญาธิการสูง อาจมีความรู้ความสามารถพิเศษ เช่น สู้รบเก่ง ตอบปริศนาได้หรือมีคาถาอาคม มีของวิเศษ เช่น ดาบหรือธนู สามารถแปลงกายหรือเหาะเหินเดินอากาศและรบชนะศัตรูซึ่งเป็นฝ่ายอธรรม มีตัวละครบางตัวเป็นอมนุษย์ เป็นยักษ์ หรือเทวดา วรรณคดีนิทานประเภทนี้มีอยู่จำนวนมากในทุกท้องถิ่นคติธรรมสำคัญที่สอดแทรกอยู่คือเรื่องของกรรม  ชี้ให้เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตัวละครจึงมักแบ่งอย่างชัดเจนเป็นฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ตัวละครฝ่ายร้ายอาจเป็นญาติที่ใกล้ชิด เช่น แม่เลี้ยง หรือพี่น้อง หรือเป็นยักษ์ วรรณคดีประเภทนี้มักนิยมใช้อ่านสู่กันฟังเป็นความบันเทิงในสังคมสมัยก่อน  วรรณคดีนิทานของท้องถิ่นต่าง ๆ หลายเรื่องมีเนื้อเรื่องซ้ำกันแต่แต่งเป็นภาษาถิ่นและใช้รูปแบบร้อยกรองของแต่ละท้องถิ่น
      ตัวอย่างรายชื่อของวรรณคดีนิทานมหัศจรรย์ของล้านนา ได้แก่ จำปาสี่ต้น พระสุธนนางมโนห์รา สุทธนู ก่ำกาดำ สุวรรณหอยสังข์ นกกระจาบ บัวระวงศ์ หงส์อำมาตย์ นางอุทธลา หงส์หิน เจ้าสุวัต ช้างงาเดียว กำพร้าบัวตอง วรรณพราหมณ์ แสงเมือง ช้างโพง อ้ายร้อยขอด

 

บานประตูไม้แกะสลักภาพเรื่องสังข์ทอง
บานประตูไม้แกะสลักภาพเรื่องสังข์ทอง ซึ่งภาคเหนือเรียกว่า สุวรรณหอยสังข์
ที่พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด เขตพญาไท กรุงเทพฯ

 

      ตัวอย่างรายชื่อของวรรณคดีนิทานมหัศจรรย์ของภาคใต้ ได้แก่ พระรถเสน วันคาร สินนุราช นางแตงอ่อน เต่าทอง การะเกด พิกุลทอง จำปาสี่ต้น สุริยวงศ์ นกกระจาบ ปองครกคำกาพย์ พงศ์สุริยา สุวรรณหงส์ ตรีนารายณ์ พระทินวงศ์ พระสุธนนางมโนห์รา

      ข. วรรณคดีนิทานประเภทนิทานชีวิต

      เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อเรื่องเสมือนเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง เช่น ไกรทอง และขุนช้างขุนแผนของภาคกลาง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องขูลูนางอั้วที่เผยแพร่อยู่ในอีสานและบทละครเรื่องน้อยไจยาของล้านนา

 

จิตรกรรมฝาผนังเรื่อง ไกรทอง
จิตรกรรมฝาผนังเรื่อง ไกรทอง ที่วัดอัมพวันเจติยาราม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่จังหวัดพิจิตร

 

๓. วรรณคดีพระพุทธศาสนา

      ได้แก่ วรรณคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น ปฐมสมโพธิกถา ว่าด้วย พุทธประวัติ และชาดกเรื่องต่าง ๆ

๔. วรรณคดีประเภทตำนาน

      อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานอธิบายธรรมชาติ ตำนานสถานที่ และตำนานบุคคล เรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่ เช่น ตำนานอุรังคธาตุและผาแดงนางไอ่ของอีสาน ตำนานเรื่องพระเจ้าเลียบโลก ของล้านนา ตำนานบุคคล เช่น เรื่องขุนทึงและขุนเจืองของอีสาน หรือพญาเจืองของล้านนา ตำนานอธิบายธรรมชาติ เช่น เรื่องโภควดีของภาคใต้ เรื่องแม่โพสพที่มีหลายสำนวนเล่ากันในล้านนา ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้

๕. วรรณคดีพิธีกรรม

      ได้แก่ วรรณคดีที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น บททำขวัญซึ่งมีอยู่ในทุกท้องถิ่นที่พบมาก ได้แก่ บททำขวัญนาคและบททำขวัญแต่งงาน เนื้อหาจะเริ่มด้วยการกล่าวถึงโอกาสอันดีงามเหมาะสมแก่พิธีกรรมและพรรณนาเครื่องทำขวัญว่า ประกอบด้วยบายศรีที่ตกแต่งสวยงามมีข้าวปลาอาหารและกล่าวเชิญขวัญให้มาอยู่กับตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือนาคแล้วแต่กรณี  ถ้าเป็นการทำขวัญนาคก็อาจพรรณนาถึงพระคุณของบิดามารดาที่เลี้ยงดูนาคมาตั้งแต่ยังเล็ก  ต่อจากนั้นจะแนะนำสั่งสอนให้ประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมแก่ฐานะ เช่น เป็นพ่อบ้านแม่เรือนที่ดีหรือเป็นพระสงฆ์ที่ดี ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า  ในตอนท้ายบทก็เป็นการอวยพรให้ประสบแต่ความสุขความเจริญ  บททำขวัญดังกล่าว มักมีฉบับต้นแบบที่สืบทอดมาแต่สมัยโบราณโดยหมอขวัญแต่ละคน อาจเพิ่มเนื้อหาให้มีสาระเหมาะกับสังคมแต่ละยุคสมัยและเลือกสรรถ้อยคำให้ฟังไพเราะมีความหมายลึกซึ้งกินใจ  ปกติบททำขวัญจะแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทร่ายซึ่งมีความยืดหยุ่นในด้านจำนวนคำ และเสียงสัมผัสทางภาคใต้ซึ่งมีการทำขวัญเรือก็มีบททำขวัญเรือด้วย

 

พิธีทำขวัญข้าว มีบททำขวัญข้าว
ในพิธีทำขวัญข้าว มีบททำขวัญข้าว สำหรับเชิญขวัญข้าวให้อยู่ประจำต้นข้าว เพื่อให้ทำนาได้ผลดี

 

๖. วรรณคดีรำพันความในใจ

      วรรณคดีประเภทนี้ผู้แต่งเขียนขึ้นโดยมุ่งจะระบายอารมณ์ความรู้สึกและความนึกคิดส่วนตัวอันเกิดขึ้นเนื่องจากมีเหตุกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น การต้องพลัดพรากจากคนรักหรือถูกกลั่นแกล้งให้ได้รับความทุกข์แสนสาหัส เช่น นิราศหลายเรื่องของภาคใต้ งานของพญาพรหมโวหาร กวีล้านนา  ๒ เรื่อง คือ คร่าวสี่บทและคำจ่ม คร่าวสี่บทเป็นบทร้อยกรองที่ใช้คำประพันธ์ชนิดคร่าวซอ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ บท เขียนขึ้นเพื่อรำพันความรักความอาลัยที่พญาพรหมโวหารมีต่อหญิงคนรักเป็นผลงานประพันธ์ที่มีชื่อเสียงมากเพราะใช้ถ้อยคำโวหารที่ให้ความรู้สึกสะเทือนใจ ส่วนคำจ่มเป็นบทรำพันความทุกข์ยากเพราะต้องโทษถูกขังคุก  ซึ่งกวีถือว่าตนถูกเจ้านายกลั่นแกล้งจึงใช้คำต่อว่าที่รุนแรง

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow